พบรถปิกอัพคนร้ายที่ใช้ยิงถล่มนายกเล็กสงขลาแล้ว
พบรถปิกอัพคนร้ายที่ใช้ยิงถล่มนายกเล็กสงขลาแล้ว
วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน 2555 เวลา 02:39 น.
เมื่อเวลา 19.30 น. วันนี้ (7 พ.ย.) ร.ต.ต.ธีระพัฒน์ วงศ์สิงห์ สภ.เมืองสงขลา รับแจ้งมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต ที่หน้าร้านสงขลาฟอรั่ม เลขที่ 97 ถนนนครใน เขตเทศบาลนครสงขลา จึงรายงานผู้บังคับบัญชาก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.สุมิตร ศรีนวล ผกก. กำลังฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่สายตรวจจำนวนหนึ่ง ที่เกิดเหตุเปิดเป็นศูนย์ประสานงานโครงการพลังพลเมืองเยาวชนสงขลา บริเวณด้านหน้าสำนักงานพบศพ นายพีระ ตันติเศรณี อายุ 54 ปี ตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลนครสงขลา สภาพนอนจมกองเลือด มีบาดแผลจากการถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธสงครามทั้งปืนเอ็ม 16 และปืนคาร์บิน ยิงถล่มใส่อย่างไม่นับ กระสุนถูกเข้าตามลำตัว และศีรษะจนพรุน โดยในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนทั้งสองชนิดตกอยู่เกลื่อนกว่า 50 ปลอก
สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ขณะเกิดเหตุ นายพีระ ได้เข้าไปร่วมประชุมกับกลุ่มเอ็นจีโอ เกี่ยวกับเรื่องปัญหาสารกัมมันตรังสีในพื้นที่ ภายหลังประชุมเสร็จจึงเดินออกมาเพื่อขึ้นรถตู้ประจำตำแหน่ง ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน นข3336 สงขลา ที่จอดเยื้องออกไปจากหน้าสำนักงาน ระหว่างนั้นได้มีกลุ่มคนร้ายไม่ต่ำกว่า 3 คน ขับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ ไม่ทราบทะเบียน ขับมาจอดประกบ และใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่ จนนายพีระ ล้มลงเสียชีวิตคาที่ จากนั้นคนร้ายยังได้ยิงถล่มใส่รถตู้ประจำตำแหน่งของนายพีระ จนพรุนไปทั้งคัน ก่อนจะขับรถหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
ต่อมา นายกฤษฎา บุญราช ผวจ.สงขลา ได้เดินทางมาร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยุสกัดจับคนร้ายและติดตามรถต้องสงสัย ตามเส้นทางในเขตเทศบาลนครสงขลา และขาออกตัวเมืองสงขลาทุกเส้นทาง รวมทั้งประสานตำรวจใกล้เคียงที่คาดว่าจะเป็นเส้นทางที่คนร้ายหลบหนี แต่ยังไร้วี่แวว
ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่มุ่งสาเหตุของการสังหารในครั้งนี้ ไปที่เรื่องการเมืองท้องถิ่นเป็นหลัก โดยเฉพาะการบริหารงานภายในของเทศบาลนครสงขลา ที่ก่อนหน้านี้มีความขัดแย้งกัน จนทำให้รองนายกเทศมนตรีนครสงขลาพร้อมคณะ ขอลาออกยกชุด 4 คน เนื่องจากไม่พอใจการทำงานของผู้เสียชีวิต กระทั่งต่อมาผู้ตายได้สั่งพักงานข้าราชการประจำของเทศบาลนครสงขลาอีก 8 คน
นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องที่ผู้ตายเป็นแกนนำเคลื่อนไหวการขนย้ายสารกัมมันตรังสี ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่กำลังมีปัญหาข้อพิพาทกัน และยังไม่สามารถตกลงกันได้ ให้ออกนอกเขตตัวเมืองสงขลา ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสอบสวน ว่าจะเป็นชนวนเหตุให้เกิดการลอบสังหารในครั้งนี้หรือไม่ ส่วนเรื่องตัวอื่นๆของผู้ตาย เจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดทิ้งเช่นกัน
ความคืบหน้าเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามทั้งเอ็ม16 และคาร์บินยิงถล่ม นายพีระ ตันติเศรณี อายุ 54 ปี นายกเทศมนตรีนครสงขลา เสียชีวิตอย่างอุกอาจเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา บริเวณหน้าร้านสงขลาฟอรั่ม ถนนนครในเขตเทศบาลนครสงขลา ขณะเดินทางไปร่วมประชุมติดตามปัญหาเรื่องการย้ายที่ตั้งสารกัมมันตรังสีออกจากตัวเมืองสงขลานั้น
ล่าสุด วันที่ 8 พ.ย.เจ้าหน้าที่พบรถยนต์กระบะของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุแล้ว โดย พ.ต.อ.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา พร้อมด้วย พ.ต.ต.ธเนศ พงษ์รอด สว.สส.สภ.เมืองสงขลา ได้ติดตามแกะรอยภาพจากกล้องวงจรปิดตั้งแต่บริเวณจุดเกิดเหตุไปตามเส้นทางที่คนร้ายขับรถหลบหนี และพบรถยนต์กระบะของคนร้ายไปจอดอยู่ภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ เลขที่ 497/22 ถนนสงขลาพลาซ่า เขตเทศบาลนครสงขลา
โดยเป็นรถปิกอัพโตโยต้าไฮลักซ์ สี่ประตู สีบรอนเงิน หมายเลขทะเบียน ฌณ 6900 กรุงเทพมหานคร ซึ่งจากการตรวจค้นพบหลักฐานสำคัญเป็นปลอกกระสุนปืนคาร์บินตกอยู่ 1 ปลอก รวมทั้งหมวกไหมพรมสีเทา 1 ใบและถุงมืออีก 1 ข้าง ซึ่งตกอยู่ในบริเวณโรงรถ เจ้าหน้าที่จึงมั่นใจว่าเป็นรถที่คนร้ายใช้ก่อเหตุอย่างแน่นอน และขับมาจอดไว้ภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอ เพื่อเปลี่ยนรถคันใหม่ขับหลบหนีไป โดยคนร้ายคาดว่ามี 3-4 คน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่วิทยาการ จ.สงขลาได้เก็บลายนิ้วมือแฝงทั้งภายในและภายนอกตัวรถไว้เป็นหลักฐาน เพื่อนำไปสู่การหาเบาะแสของคนร้าย พร้อมกับกันพื้นที่ภายในสถานีวิทยุสมิหลาเรดิโอเป็นเขตหวงห้าม ไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปอย่างเด็ดขาด เพื่อป้องกันการทำลายหลักฐานภายในรถ โดยจัดกำลังตำรวจพร้อมไฟส่องสว่างเฝ้าตลอดทั้งคืน แต่คาดว่าป้ายทะเบียนรถน่าจะเป็นป้ายปลอม ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าใครเป็นผู้ครอบครอง
สำหรับสถานีวิทยาสมิหลาเรดิโอแห่งนี้เป็นของ นายกิตติ ชูช่วย น้องชาย นายอุทิศ ชูช่วย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา และเป็นอดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครสงขลา หัวหน้าทีมสงขลาพัฒนา คู่แข่งของนายพีระ ในการเลือกตั้งเทศบาลนครสงขลาเมื่อวันที่ 1 พ.ย.2552 ซึ่งนายพีระ ที่เป็นหัวหน้าทีมสงขลาใหม่และชนะการเลือกตั้ง ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้เจ้าหน้าที่จะเชิญตัวผู้ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดมาทำการสอบสวนต่อไป.